วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2559

เจาะลึกปักกิ่ง ตอน 18 หวังฝูจิ่งย่านห้างหรู จีน เปลี่ยนเร็วและแรงในรอบ 100 ปี

เจาะลึกปักกิ่ง ตอนที่ 18 


 深入北京、走进北京 เจาะลึกปักกิ่ง
การที่ยังเขียนถึงเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับปักกิ่งไม่ยอมจบ  
นอกจากต้องการจะบันทึกเรื่องราวเพื่อความทรงจำใช้เทียบกับอดีตและอนาคตแล้ว  
ผลพลอยได้ก็คือเป็นข้อมูลสำหรับผู้ที่เดินทางไปท่องเที่ยว ไปติดต่องาน  ไปเรียนต่อ  ไปดูงาน ไปประชุมฯลฯ 
ไม่ใช่เชิญชวนให้คนไทยไปเที่ยว


 

ที่เขียนถึงหวังฝูจิ่งใน "เจาะลึกปักกิ่ง" (โดยสุวรรณา) นี้  ไม่ได้ช่วยจีนโปรโมทให้ไปเที่ยวซื้อของที่นั่น 
เพราะหวังฝูจิ่ง ย่านที่เป็นที่ตั้งของห้างหรูขายสินค้าแพงกลางกรุงปักกิ่ง  
ไม่ใช่สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งช็อปปิ้งสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ  
แต่เป็นย่านที่คนมีตังค์ของจีนไปจับจ่ายเงินซื้อสินค้าแบรนด์เนมของแท้  ทานอาหารร้านดัง นัดพบปะเพื่อนฝูงฯลฯ
เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติจะไม่นิยมซื้อสินค้าที่ย่านนี้  แต่จะนิยมไปซื้อของเลียนแบบแบรนด์เนมที่ตลาดรัสเซีย หรือ ที่คนจีนเรียกว่า 秀水街 กัน
ทำไมดิฉันถึงพานักศึกษาและผู้ปกครองมาเที่ยวชมถนนหวังฝูจิ่ง ทั้งๆ ที่ไม่คิดจะซื้ออะไรเลย 
ก็เพราะอยากให้เห็นภาพสถานที่ กำลังซื้อ วิถีชีวิต ค่านิยมและอะไรอีกหลายอย่างของคนจีนที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมากและอย่างรวดเร็ว

                             

จุดประสงค์หลักในการลงภาพและเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับจีน 
ก็คือ  อยากมีส่วนร่วมเล็กๆ ในการ "เข้าใจจีน" ในฐานะที่เป็นประเทศหนึ่งซึ่งมีบทบาทเกี่ยวข้องกับคนไทยมากขึ้นเรื่อยๆ  
ทั้งในด้านเศรษฐกิจและการศึกษา 
โดยผ่านภาพถ่ายที่ได้จากการเดินทางไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ  การสังเกตวิถีชีวิตของคนจีนที่เปลี่ยนไป  
ผ่านการเข้าใจวัฒนธรรม  ผ่านเกร็ดประวัติศาสตร์  ผ่านแนวคิดหลักปรัชญา 
และที่สำคัญที่สุดคือ ผ่านการสื่อสารด้วยภาษาจีน  ทั้งการพูด การฟัง การอ่าน ในระดับที่สูงกว่าและลึกกว่าการสื่อสารในชีวิตประจำวัน



(บรรยายภาพบน ปากทางเข้าถนนหวังฝูจิ่ง มีเลนจักรยานด้วย แต่ปัจจุบันจักรยานไม่หนาตาเท่า 4 - 5 ปีก่อน)

ปัจจุบันมีคนไม่น้อยที่อยากเข้าใจจีน ด้วยวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน  
โดยเฉพาะคนที่อยู่ในฐานะเป็นผู้ปกครอง นักบริหาร นักรัฐศาสตร์ นักเศรษฐศาสตร์ นักการศึกษา ฯลฯ  
เพราะการจะกำหนดบทบาทและนโยบายที่มีต่อจีนให้ถูกต้อง จำเป็นต้องอยู่บนพื้นฐานที่เข้าใจจีนอย่างถูกต้องด้วย
แต่ว่าจะให้เข้าใจจีนได้โดยผ่านเรื่องเล่าหรือการเขียนบทความเพียงไม่กี่เรื่องนั้น เป็นไปไม่ได้ 



เรื่องราวต่างๆ ของนครปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน ที่ดิฉันอยากจะถ่ายทอดอย่างละเอียดในฐานะที่เป็นคนรู้ภาษาจีน  จึงเป็นแค่เศษเสี้ยวเพื่อความเข้าใจจีนเท่านั้น



ในช่วง 100 กว่าปีที่ผ่านมา  ประเทศที่เปลี่ยนแปลงแรงที่สุดเร็วที่สุดในโลกนี้  ก็น่าจะเป็นจีน  
คือนับตั้งแต่ปฏิวัติซิงไห้ที่นำโดย ดร.ซุนยัตเซ็น (孙中山先生 - 辛亥革命 1911 ) เป็นต้นมาจนถึงการปฏิวัติที่ประกาศเปลี่ยนแปลงการปกครองอีกรอบในปี 1949 
หรือพูดให้แคบเข้ามาหน่อยก็ 60  กว่าปีที่ผ่านมา  จีนมีการเปลี่ยนแปลงมากจริงๆ



(บรรยายภาพ  รัฐบาลจีนให้ความสำคัญต่อการศึกษา ส่งเสริมให้คนอ่านหนังสือ
ภาพบนที่เห็นเป็นตึกใหญ่นั้น ทั้งตึกคือร้านหนังสือหวังฝูจิ่ง 王府井书店)



เคยมีการพูดกันว่า การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและแรงแบบจีนนี้  แม้แต่คนจีนบางส่วนก็ยังรู้สึกสับสนงงงวย  มีปัญหาในการปรับตัว  ไม่รู้ว่าเกิดอยู่ในยุคอะไรกันแน่



อย่างเช่น ยุคหนึ่ง (ช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม ) รัฐบาลจีนก็มีการรณรงค์ครั้งใหญ่ให้วิพากษ์ความคิดขงจื่อซึ่งถือเป็นความคิดศักดินา  ใครที่นับถือขงจื่อก็ต้องเงียบๆ ไว้  พอมาตอนนี้ก็ยกย่องเชิดชูขงจื่อ รื้อคำสอนของขงจื่อมาให้เด็กจีนท่อง ฯลฯ  อะไรอย่างนี้   

จำได้ว่า พ่อเล่าให้ฟังว่า  ที่จีนเกิดสงครามติดต่อกันหลายปี  ประสบภัยธรรมชาติ ขาดแคลนยาและอาหาร คนจีนอดตายเป็นจำนวนมาก จึงมีคนจีนเสี่ยงตายหนีความอดอยากไปอยู่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก (ดิฉันลองนึกภาพดู คนที่เหมือนกำลังจะสิ้นชาติแบบนั้น  เวลาไปอยู่เมืองไหนก็คงจะถูกคนท้องถิ่นรังเกียจ ดูถูกเหยียดหยาม หรือถูกระแวงสงสัย) บางคนมารับจ้างหางานทำในไทย  บางคนป่วยตายที่เมืองไทยเป็นศพอนาถา ไม่มีญาติ ไม่มีใครทำศพให้ (จึงเป็นที่มาของการรวบรวมเงินบริจาคเพื่อสร้างโรงพยาบาลเทียนฟ้า 天華醫院 ที่เยาวราช  โรงพยาบาลหัวเฉียว 華僑醫院 ที่แถวยศเส  เกิดมูลนิธิร่วมกตัญญู 義德善堂 และปอเต็กตึ๊ง 報德善堂 เพื่อให้การสงเคราะห์ชาวจีนตกยาก  สงเคราะห์การทำศพไม่มีญาติ  (ซึ่งดิฉันได้เขียนถึงเรื่องนี้แล้วในบทความอื่น)



(บรรยายภาพ รถตำรวจ คนจีนเล่าให้ฟังว่า พวกเขาเจอตำรวจจีนที่ไหนจะรู้สึกอุ่นใจเสมอ)

จำได้ว่า เมื่อประมาณ 30 ปีก่อน ได้ยินเพื่อนๆ เล่าเรื่องที่พ่อแม่เขากลับไปเยี่ยมญาติที่เมืองจีน แล้วถูกญาติเมืองจีนขอเงิน ขอทอง ขอนาฬิกา ขอรองเท้ากระเป๋า ขอเสื้อผ้า ฯลฯ ที่ติดตัวไปจนเกลี้ยง  เหลือกลับมาแค่เสื้อผ้าที่ใส่อยู่ชุดเดียว เพราะว่าพวกเขาขาดแคลน เห็นอะไรจากต่างประเทศก็อยากได้  
แล้วเพื่อนบางคนก็บอกว่าแม่ทะเลาะกับพ่อ เพราะพ่อชอบส่งเงินที่ครอบครัวหามาได้ด้วยความลำบากกลับไปช่วยญาติที่เมืองจีน และว่าจะไม่ยอมให้พ่อกลับไปหาญาติที่เมืองจีนอีก เพราะจะโดนขอจนไม่มีอะไรเหลือ  



จำได้ว่า  ประมาณ 22 ปีก่อน มีการจ้างคนไทยถือคูปองสำหรับซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าพวกทีวีสี ตู้เย็น มอร์เตอร์ไซด์ฯ เข้าจีนผ่านทางด่านฮ่องกง ซึ่งผู้รับจ้างจะได้ค่าตอบแทนใบละประมาณ 2000 บาท(ตอนนั้น) 
เพราะว่าคนจีนเริ่มรวยขึ้น แต่สิ่งของเหล่านี้ขาดแคลน  เนื่องจากอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าของจีนยังไม่พัฒนา 
ในสมัยนั้นคนจีนมีเงินก็ซื้อของพวกนี้ไม่ได้ นอกจากจะมีคูปองที่ยืนยันว่าญาติที่อยู่ต่างประเทศซื้อและส่งไปให้  
แต่ต้องเอาเข้าไปให้ในรูปคูปอง จึงเปิดช่องให้มีการซื้อขายคูปองเกร็งกำไรขึ้น



แต่ตอนนี้  บริษัท HAIER (海尔电器公司) ของจีน ที่เพิ่งซื้อกิจการบริษัท ซันโย ของญี่ปุ่น ได้กลายเป็นบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดของโลก   

 
00
  

(ภาพถ่ายจากหวังฝูจิ่ง กลยุทธ์อย่างหนึ่งที่ใช้การแต่งกายแบบราชวงศ์ชิงกับนักรบโบราณเพื่อดึงดูดความสนใจจากลูกค้า ชุดอย่างนี้แต่งได้ตอนอากาศหนาวช่วงกลางเมษายน)


 
                                                                                             00 
 

 (ภาพจากหวังฝูจิ่ง  กาน้ำชาใบนี้ ราคา 5000 กว่าบาท ถ่ายจากหนึ่งในกาน้ำชาที่ตั้งโชว์ในตู้ภาพบน)



เมื่อก่อน หวังฝูจิ่งเป็นย่านการค้าก็จริง  แต่ไม่มีสินค้าหรูหราฟุ่มเฟือย  ไม่มีกระเป๋ารองเท้าราคาแพง  
มีร้านอาหารอยู่ไม่มาก  สมัยโน้น  คนจีนจะแต่งตัวสวยๆ ไม่ได้  ใช้ของแพงๆ ไม่ได้  จะถือว่าเป็นพวกทุนนิยม  วัตถุนิยม 
การซื้อของเช่นเสื้อผ้า อาหาร เนื้อสัตว์ ฯลฯ ต้องมีคูปองที่รับการจัดสรรจากรัฐบาลจึงจะซื้อได้  ถึงมีตังค์ก็หาซื้ออาหารอร่อยๆ ทานไม่ได้  
ร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรมที่เป็นของเอกชนไม่มี  
เสื้อผ้าที่คนจีนใส่อยู่ก็มีอยู่ 3 สี คือ ขาว ดำ เทา 
ผู้หญิงจะใส่เสื้อผ้าสีสวยๆ สดๆ ไม่ได้ (ลองหลับตานึกภาพสวนดอกไม้ที่มีแต่ 3 สีนี้ ภาพที่เห็นจะเป็นอย่างไร)    
ไม่ต้องพูดถึงถือกระเป๋าแพงๆ ........ แต่งหน้าสวยๆ ...... เหมือนเด็กจีนสมัยนี้


 

(บรรยายภาพ) สีสรรของหวังฝูจิ่งอีกส่วนหนึ่งก็คือ แผงขายอาหารปิ้งย่างทอดที่เรียงรายอยู่ปลายถนน  ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าจะร้องขายสินค้าเสียงดังมาก (北京王府井东华门美食坊夜市) เป็นตลาดกลางคืนที่เปิดขายตั้งแต่ตอนเย็นๆ

  

มุมนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้พอสมควร  มีของแปลกๆ หลายอย่างแบบเปิบพิศดาร (ผู้เขียนไม่กล้ากิน)



เนื้อแพะย่างไม้ละ  5 - 10 หยวน



เต้าหู้เหม็น ไม่กล้ากิน



ปู ไม่ได้ซื้อ 



กั้ง ดูน่ากินมาก แต่ไม่มีเนื้อเลย มีแต่เปลือก เตือนเพื่อนอย่าหลงซื้อนะคะ  อาหารทะเลกลับมากินบ้านเราดีกว่าเยอะค่ะ



19 ปีก่อน (พฤศจิกายน 1993) ดิฉันติดตามคณะของเดอะเนชั่น ไปเป็นล่ามภาษาจีนให้กับการประชุมสัมนาสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ ที่นครคุนหมิง 
จำได้ว่าสนามบินคุนหมิงเล็กมาก ประมาณสนามบินแม่ฮ่องสอนเรา  
แต่ล่าสุดคุนหมิงได้เปิดใช้สนามบิน 长水机场 เมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งอาจารย์ปัญญา เรืองวงศา ที่ร่วมเดินทางไปถ่ายทำสารคดีฯ  ได้ไปใช้บริการมาและกลับมาเล่าให้ฟังเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคมนี้ว่า สนามบินใหม่ของคุนหมิงใหญ่พอๆ กับสุวรรณภูมิของเราเลย
จำได้ว่าตอนนั้น ( 19 ปีก่อน) นั่งเครื่องบินจากคุนหมิงไปเมืองเชียงรุ้งที่สิบสองปันนา  เขาบอกว่าถ้าไปทางรถยนต์ต้องขึ้นเขาหลายลูกมาก ใช้เวลาเดินทางไม่ต่ำกว่า 2 วันจึงจะถึงเมืองเชียงรุ้ง

แต่วันนี้ มีถนนสาย R3A หรือเส้นทางคุนหมิง-กรุงเทพฯ (昆曼公路) ที่เริ่มจากเมืองคุนหมิง ผ่านเมืองเชียงรุ้งได้ตัดมาถึงลาวผั่งตรงข้ามเชียงของและเปิดใช้อย่างเป็นทางการแล้ว  ถนนเส้นนี้ไม่ต้องขึ้นเขา เจาะอุโมงค์ทะลุเขาตลอดเส้นทางหลายสิบอุโมงค์  บางอุโมงค์ยาวถึง 4 กิโลเมตร ฯลฯ

ถึงแม้เศรษฐกิจประเทศจีนโดยรวมดีขึ้นอย่างรวดเร็ว คนจีนส่วนใหญ่มีฐานะดีขึ้น มีเศรษฐีใหม่เกิดขึ้นจำนวนไม่น้อย  แต่ก็ใช่ว่าประเทศจีนปัจจุบันจะไม่มีคนจนหรือความเหลื่อมล้ำทางฐานะ  
ซึ่งอันนี้คิดว่ายังมีกันทุกประเทศ  เพียงแต่คนจีนปัจจุบันไม่ต้องอดตายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
  


อะไรที่ทำให้จีนเปลี่ยนแปลงได้แรงและเร็วขนาดนี้ ?
อะไรที่ทำให้จีนสามารถสลัดฉายา "ผู้ป่วยแห่งเอเชีย" (亚洲病夫) ที่ถูกชาติมหาอำนาจตะวันตกหลายชาติเข้ายึดครองพื้นที่สำคัญและแย่งชิงทรัพยากร  ถูกสหรัฐฯ และชาติตะวันตกกีดกันและบอยคอตทางการค้าในสมัยสงครามเย็น  

จนกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ  เป็นโรงงานโลก  เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของรัฐบาลสหรัฐฯ  เป็นผู้ที่จะเข้ามาช่วยอุ้มประเทศยุโรปที่กำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจในขณะนี้ ? 

เจาะลึกปักกิ่ง หวังฝูจิ่งย่านห้างหรู ทำให้ย้อนนึกถึงอะไรของจีนที่เปลี่ยนไปบ้าง
ไม่คิดว่าการเขียนเรื่องหวังฝูจิ่ง จะทำให้นึกอะไรได้มากมายขนาดนี้
   


รวมเรื่องเกี่ยวกับปักกิ่ิง 深入北京
เขียนโดย สุวรรณา สนเที่ยง 张碧云 

เรื่องนี้โพสต์ครั้งแรกที่ OKnation Blog วันที่ 12 กรกฎาคม 2555 (2012)
http://www.oknation.net/blog/chineseclub/2012/07/12/entry-1


อ่านตอนอื่นๆ เพิ่มเติมใน  
Posted by เหล่าซือสุวรรณา 


ส่วนหนึ่งของยอดคลิก ซีรีย์เรื่องเจาะลึกปักกิ่ง 
หวังว่าจะเป็นประโยชน์ค่ะ
Flag Counter

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น