深入北京、走进北京。故宫。เจาะลึกปักกิ่ง
ตอนที่ 7 พระราชวังกู้กง
เกร็ดประวัติศาสตร์จีน การเปลี่ยนมืออำนาจในพระราชวังกู้กุง
北京故宫
GUGONG, BEIJING พระราชวังต้องห้าม กรุงปักกิ่ง
หนึ่งในมรดกโลกที่อยู่ในปักกิ่ง
ใช่ว่าคนจีนทุกคนจะมีโอกาสมากรุงปักกิ่ง
และได้มาชมพระราชวังในอดีตแห่งนี้
( ในภาพ ) เป็นฮ่องเต้จำลองนะคะ พรีเซนเตอร์คือน้องต้า
นักเรียนของเหล่าซือเองค่ะ
ถ่ายที่หอฟ้าเทียนฐาน ที่เห็นนี้เป็นชุดฮ่องเต้แบบแมนจู
เห็นแล้วนึกถึงหนังจีนไหมคะ
ปักกิ่ง เป็นเมืองหลวงของ 3 ราชวงศ์และ 3 ชนชาติในอดีต คือ มองโกล ฮั่น และ แมนจู
蒙古 汉族 满族
พระราชวังกู้กุง เคยเป็นที่ประทับของอดีตฮ่องเต้
และศูนย์การปกครองของจีน 2 ราชวงศ์
คือ ราชวงศ์หมิงของชาวฮั่น และราชวงศ์ชิงของชาวแมนจู
ราชวงศ์เหยวียน (元朝) ชนชาติมองโกล
ปกครองแผ่นดินจีน ค.ศ. 1206 - 1368 รวม 162 ปี
ราชวงศ์หมิง (明朝)ชนชาติฮั่น ค.ศ. 1368 - 1644 รวม 276 ปี
ราชวงศ์ชิง (清朝) ชนชาติแมนจู ปกครองแผ่นดินจีน
ค.ศ. 1644 - 1911 รวม 267 ปี
นับถึงปี 2012 กรุงปักกิ่งได้เป็นเมืองหลวงของจีนมานานถึง 806 ปีแล้ว
ตั้งแต่ี่กองทัพม้าเหล็กของชาวมองโกล (蒙古) ซึ่งนำโดยเจ็งกิสข่าน เข้าตีและยึดเมืองหังโจว (杭州) ซึ่งเป็นราชธานีของราชวงศ์ซ่ง (宋朝) ของชาวฮั่น (汉族) ได้สำเร็จ ก็ได้สถาปนาราชวงศ์เหยวีย น(元朝 )ซึ่งปกครองโดยชนชาติมองโกลขึ้น
และย้ายราชธานีจากหังโจวมาที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งมีที่ตั้งใกล้กับถิ่นฐานของมองโกลและมีภูมิอากาศใกล้เคียงกับมองโกลมากกว่า
พระราชวังปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์กู้กุง (故宫博物馆)
วันที่ 31 มีนาคม 2011
เราเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินของปักกิ่ง และมาขึ้นที่สถานีนี้
เมื่อขึ้นมาจกาสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ก็จะพบกับภาพของ
จัตุรัสเทียนอันเหมิน (天安门广场)
ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ของประเทศจีนใหม่ ตั้งแต่ 1 ตุลาคม ปี 1949
คนที่เคยดูหนังจีนเชิงประวัติศาสตร์ น่าจะคุ้นตากับแผ่นหินแกะสลักเป็นลายมังกรขนาดใหญ่นี้ เพราะตรงนี้คือที่ที่บรรดาเหล่าขุนนางเดินเรียงแถวขึ้นไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้
( แผ่นหินขนาดใหญ่นี้ ชาวจีนสมัยก่อนเขาเคลื่อนย้ายเข้ามาในวังได้อย่างไร ? มีคำตอบค่ะ )
( เขาใช้วิธีเคลื่อนย้ายตอนหน้าหนาวที่น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง โดยใช้วิธีราดน้ำตามทางให้กลายเป็นน้ำแข็งก่อน แล้วจึงใช้คนลากแผ่นหินมหึมานี้ให้ไหลลื่นเคลื่อนที่บนแผ่นน้ำแข็ง )
เมื่อจูเหยวียนจาง (朱元璋) ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์หมิง
ได้นำกำลังชาวฮั่นขับไล่ชาวมองโกลเป็นผลสำเร็จ ก็ได้ตั้งราชวงศ์หมิง(明朝)ขึ้น อำนาการปกครองก็กลับคืนสู่มือของชาวฮั่นอีกครั้ง
ราชวงศ์หมิงยังคงตั้งราชธานีอยู่ที่กรุงปักกิ่ง และมีฮ่องเต้ในราชวงศ์ทั้งหมด 13 พระองค์
พระศพของทุกพระองค์ฝังอยู่ที่สุสาน 13 กษัตริย์ (明十三陵) ชานเมืองปักกิ่ง ทางที่จะไปชมกำแพงเมืองจีน สุสาน 13 กษัตริย์ราชวงศ์หมิงนี้ อยู่ใต้ดิน ต้องลงบันไดไปค่อนข้างลึก
ภายในสุสานอากาศอับชื้น เมื่อก่อนเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว ผู้เขียนเคยไปเมื่อ 17 ปีก่อน
แต่ปัจจุบันคนไม่นิยมไปเที่ยว ศาสตรจารย์หยางเจี้ยนกว๋อ (北京语言大学杨建国教授) อาจารย์ท่านหนึ่งของผู้เขียนที่มหาวิทยาลัยภาษาปักกิ่ง แนะนำพวกเราว่าอย่าไปเที่ยวที่นั่น เพราะที่นั่น “阴气很重” ( มีไอหรือ "ชี่" ของโลกหยินหนักมาก โลกหยินหมายถึงโลกของคนที่เสียชีวิตไปแล้ว)
การไปเที่ยวสถานที่แบบนี้จะไม่เป็นมงคลแก่ตนเอง
ปลายราชวงศ์หมิง ชนเผ่าแมนจู (满族) ที่อยู่ทางตอนเหนือของจีนมีกำลังเข้มแข็ง แต่ก็ยังตีเข้ามาในกรุงปักกิ่งไม่ได้ จนกระทั่ง หวูซันกุ้ย (吴三桂) แม่ทัพคนสำคัญของจีนตัดสินใจเปิดด่านให้กำลังแมนจูเข้ามา กองกำลังแมนจูจึงได้ยึดกรุงปักกิ่งและพระราชวังแห่งนี้ไว้ได้ทั้งหมด และสถาปนาราชวงศ์ชิง (清朝) ซึ่งปกครองโดยชาวแมนจูขึ้น
เรื่องหวู่ซันกุ้ยทำไมถึงเปิดด่านให้แมนจูเข้ามา เป็นช่วงประวัติศาสตร์จีนและเป็นจุดเปลี่ยนที่น่าสนใจมาก ถ้าเล่าก็จะยาวไป ต้องละไว้ก่อน
( เต่า สัตว์มงคล สัญญลักษณ์อายุยืน )
หลังจากแมนจูเข้าปกครองประเทศจีน ก็เกิดการต่อสู้กู้ชาติของชาวฮั่นอย่างต่อเนื่องยาวนานถึงเกือบ 300 ปี
ชาวฮั่นต้องเสียชีวิตกับการต่อสู้กับอำนาจรัฐของแมนจูเพื่อกู้ชาติจีนจำนวนมาก
มีวีรบุรุษและวีรสตรีสละชีวิตไปมากมาย
ปลายราชวงศ์ชิง อำนาจการบริหารที่แท้จริงอยู่ในมือของพระนางซูสีไทเฮา ราชสำนักอ่อนแอ จักรวรรดินิยมตะวันตกแปดชาติร่วมกันยกกำลังเข้ารุกรานจีน เข้ายึดพระราชวังกู้กุงไว้ และแบ่งกันครอบครองแผ่นดินจีนที่เป็นจุดสำคัญๆ และเส้นชีวิตไว้ เช่น ฝรั่งเศสเข้ายึดครองเซี่ยงไฮ้ที่เป็นทั้งท่าเรือและเมืองเศรษฐกิจสำคัญของจีน อังกฤษยึดครองเกาะฮ่องกง โปรตุเกสครอบครองเกาะมาเก๊า เยอรมันนียึดครองเมืองชิงเต่า ( เป็นที่มาของเบียร์ชิงเต่า ) ฯลฯ
การกู้ชาติของชาวจีนทั้งในแผ่นดินจีนและโพ้นทะเลซึ่งนำโดย ดร.ซุนยัตเซ็น (孙中山先生) ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงในจีนขึ้น การเกิดปฏิวัติซินไห้ (辛亥革命) ในปี 1911
กองกำลังของชาวฮั่นสามารถยึดอำนาจการปกครองได้ และเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบสาธารณรัฐ ซึ่งถือเป็นปีที่สิ้นสุดการปกครองของราชวงศ์ชิงและระบอบฮ่องเต้ในประเทศจีน
ตอนที่พระราชวังกู้กุงถูกทหารต่างชาติบุกยึด สมบัติมีค่ารวมถึงวัตถุโบราณและสิ่งมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่ดีที่สุดของจีนที่เก็บสะสมไว้ในพระราชวังแห่งนี้มาหลายร้อยปี ถูกชาติตะวันตกที่เข้ายึดวังแบ่งกันขนเอาไปจำนวนมาก
( ท่อระบายน้ำรูปหัวมังกร )
และช่วงที่เกิดสงครามภายในประเทศจีน ฝ่ายก๊กหมินตั๋งที่นำโดยนายพลเจียงไคเช็ค ก็ได้ขนเอาทรัพย์สินและวัตถุโบราณอีกจำนวนมากไปอยู่ที่เกาะไต้หวัน และไปตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ "กู้กุง" อีกแห่งที่ไทเป โบราณวัตถุที่นั่นมีจำนวนมากถึงขั้นที่ต้องผลัดกันนำออกมาจัดแสดง
อาจจะพูดได้ว่า สิ่งที่ต่างชาติและนายพลเจียงไคเช็คเอาไปไม่ได้ ก็คือ สิ่งก่อสร้างของตัวพระราชวังนี่เอง
( เด็กจีนที่หนาวจนแก้มแดง ความจริงเจ็บแสบผิวมาก )
โอ่งขนาดใหญ่แบบนี้จะมีอยู่ทุกจุดในพระราชวังกู้กุง
ใช้เป็นที่รองน้ำฝนไว้ใช้
สังเกตดูที่ฐานโอ่งนะคะ
จะเป็นที่สำหรับใส่ฟืนลงไปจุดไฟ เพื่ออะไร ?
เพราะว่าในพระราชวังเคยเกิดเพลิงไหม้หลายครั้ง ในหน้าหนาว ปักกิ่งอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง น้ำในที่ต่างๆ กลายเป็นน้ำแข็ง เวลาเกิดเพลิงไหม้ไม่สามารถตักน้ำไปดับไฟได้ จึงต้องมีที่สำหรับใส่ฟืนก่อไฟทำให้น้ำแข็งละลาย
ภาษาทางการในสมัยราชวงศ์ชิง จะเป็นสองภาษา คือ ภาษาฮั่นคู่กับภาษาแมนจู อย่างที่เห็นในป้าย ( อักษรที่เป็นตัวจีนด้านซ้าย คือ อักษรชาวฮั่น อักษรด้านขวาคือ อักษรภาษาแมนจู )
ในกระดาษแผ่นนี้เขาเขียนระบุวันที่ ว่า เป็นปีที่ 37
ในรัชกาลเฉียนหลงฮ่องเต้
แต่ประเด็นที่เราอยากรู้มากกว่าคือนี่เป็นลายมือคนเขียนขึ้นหรือ ดูบรรจงและตัวเท่ากันมาก
( ห้องน้ำ ปัจจัยสำคัญ ห้องน้ำที่ในวังนี้ออกแบบกลมกลืน )
( เดินมาหลายชั่วโมงแล้ว เมื่อยมาก นั่งพักนี่เลย ไม่มีใครรู้จักเรา ไม่เป็นไร )
北京故宫 (出口)
ตรงนี้เป็นด้านที่เราออกจากพระราชวังกู้กุง มีรถเมลล์สาย 111 ผ่าน
แต่จุดนี้เรียกรถแท๊กซี่ยากมาก
ก็จะมีรถกระป๋องลักษณะแบบนี้ กับรถป้ายดำ หมายถึงรถรับจ้างที่ไม่ได้รับอนุญาตมาเรียกลูกค้าจำนวนมาก
แต่รถแบบนี้ไม่แนะนำให้ขึ้น เพราะอาจโดนหลอกลวง
เมื่อตกลงราคากันแล้วพอไปถึงปลายทางจะถูกเรียกค่ารถแพงมาก ถ้าไม่จ่ายก็จะมีการเรียกพรรคพวกมาข่มขู่
ดูภาพและข้อมูลอัพเดทเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2012
แนะนำแหล่งเที่ยวแหล่งกินในปักกิ่งเพิ่มเติมที่
(เรื่องและภาพทั้งหมดเขียนขึ้นโดยสุวรรณา สนเที่ยง ห้ามผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์โดยการคัดลอกทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่งไปอ้างเป็นการเขียนของตนเอง ซึ่งเข้าข่ายผิดกฎหมายลิขสิทธิ์)
.........................................
Entry ที่เกี่ยวข้อง
北京 BEIJING (6) สถานที่ไม่ควรพลาดในปักกิ่ง 鸟巢 สนามกีฬารังนก สถาปัตยกรรมยุคใหม่
北京 BEIJING สถานที่ไม่ควรพลาดในปักกิ่ง (5) 天坛 - 世界文化遗产 เทียนฐาน TIANTAN
北京 BEIJING ปักกิ่ง (4)
北京 BEIJING สถานที่น่าสนใจในปักกิ่ง (3) BEIJING CAPITAL MUSEUM พิพิธภัณฑ์นครหลวงปักกิ่ง
http://suwannafc.blogspot.com/2013/10/3-beijing-capital-museum.html (คลิกที่นี่)
北京 BEIJING สถานที่ไม่ควรพลาดในปักกิ่ง(2)前门 - 大栅栏 เฉียนเหมิน - ต้าซันหลัน QIANMEN - DA SHAN LAN
http://suwannafc.blogspot.com/2013/10/beijing2-qianmen-da-shan-lan.html (คลิกที่นี่)北京 BEIJING สถานที่ไม่ควรพลาดในปักกิ่ง(1) 前门 QIANMEN เฉียนเหมิน
http://suwannafc.blogspot.com/2013/09/beijing-1-qianmen.html (คลิกที่นี่)
08 - 02 - 2013 ได้รวมลิงก์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ในหัวข้อ "เจาะลึกปักกิ่ง" ไว้ในเอนทรี่ข้างล่างนี้แล้ว
Facebook : Suwanna Future C
https://www.facebook.com/SuwannaFutureC?ref=hl
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น