เรื่องนี้โพสต์ครั้งแรกที่โอเคเนชั่นบล็อก วันที่ 3 มิถุนายน 2012 (2555)
http://www.oknation.net/blog/chineseclub/2012/06/03/entry-1
..............
วัดลามะกรุงปักกิ่ง เป็นศาสนสถานที่สำคัญและมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจมาก
เที่ยวปักกิ่งแบบไปเอง สถานที่สำคัญที่ไม่ควรพลาดและแนะนำร้านอาหาร ต่อจากเอนทรี่ก่อนหน้านี้นะคะ
เป็นความบังเอิญนะคะที่โพสเรื่องวัดลามะตรงกับวันวิสาขบูชา ฉลองพุทธชยันตี (ครบรอบพระพุทธเจ้าตรัสรู้) 2600 ปี พอดี
วัดลามะในกรุงปักกิ่ง ภาษาจีนเรียกว่า 雍和宫 ( ยงเหอกง Yonghe Gong ) ภาษาอังกฤษเรียกว่า Lama Temple สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1694 เป็นพระตำหนักเดิมของยงเจิ้งฮ่องเต้ ในสมัยราชวงศ์ชิง
การเดินทาง
วัดลามะ ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงปักกิ่ง
สามารถนั่งรถไฟใต้ดินสาย 5 สายสีม่วง หรือสาย 2 สายสีน้ำเงิน (ที่วิ่งเป็นวง) ลงที่สถานี Yonghegong (ยงเหอกง) ซึ่งเป็นจุดตัดและจุดต่อรถสาย 5 กับสาย 2 ลงสถานี ยงเหอกง ถ้าเรียกแท๊กซี่ก็บอกว่า "ยงเหอกุง"
คำว่า 宫 ที่แปลว่า วัง สำเนียงจีนกลางมาตรฐาน (标准普通话)ออกเสียงว่า กุง สำเนียงจีนไต้หวันออกเสียงว่า กง
雍和宫 雍 หมายถึง สมานฉันท์ ปรองดอง 和 หมายถึงสันติ สามัคคี 宫 แปลว่าพระตำหนักหรือพระราชวัง
วัดลามะ เป็นวัด แต่ชื่อเรียกเป็นวัง ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ประวัติความเป็นมาของวัดนี้น่าสนใจมากที่เดียว
ก็เพราะว่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นพระตำหนักของยงเจิ้งฮ่องเต้ (清朝雍正皇帝)หรือที่คนไทยเรียกกันว่า “จักรพรรดิหย่งเจิ้ง) แห่งราชวงศ์ชิงในสมัยที่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์
และเป็นสถานที่ประสูติของเฉียนหลงฮ่องเต้ (清朝乾隆皇帝)เมื่อประมาณ 300 กว่าปีก่อน
ก่อนที่ยงเจิ้งฮ่องเต้(雍正皇帝)จะเสด็จสวรรคต ได้ยกที่ดินครึ่งหนึ่งของตำหนักนี้ให้แก่พระลามะธิเบตนิกายหมวกเหลืองรูปหนึ่ง และใช้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ดูแลกิจการต่างๆ ของวัดลามะธิเบตทั่วประเทศ หลังจากยงเจิ้งฮ่องเต้สวรรคต เฉียนหลงฮ่องเต้ซึ่งเป็นพระโอรสขึ้นครองราชย์และได้ยกที่ของพระตำหนักทั้งหมดให้แก่วัด ปัจจุบันจึงเป็นวัดที่ยังคงใช้ชื่อพระตำหนักเดิมอยู่
ภาพบน จ้วนจิ๊งถ่ง 转经筒 Zhuǎn jīng tǒng
จ้วนแปลว่าหมุนรอบ จิ๊ง แปลว่า คัมภีร์ มนต์ ถ่ง แปลว่ากระบอก
ชาวธิเบตนำคัมภีร์ของนิกายลามะไว้ในสิ่งที่เป็นรูปทรงกระบอกนี้ ทุกครั้งที่หมุน 1 รอบก็เปรียบเสมือนได้สวดมนต์ 1 จบ เวลาหมุนก็ตั้งจิตอธิฐานไปด้วย
藏族人民把经文放在转经筒里,每转动一次就相当于念颂经文一次。
ภาพล่าง ป้ายที่เขียนว่า 雍和宫 (ยงเหอกง) นี้ แปลกตาน่าสนใจ เขียนด้วยอักษร 4 ภาษา คือ อักษรแมนจู อักษรฮั่น (อักษรจีน) อักษร
มองโกล และอักษรธิเบต
เป็นสัญญลักษณ์ของชนชาติใหญ่ในจีน 4 ชนชาติ คือ ชาวฮั่น ชาวแมนจู ชาวมองโกลและธิเบต ( จีนมีอีก 1 ชนชาติใหญ่อยู่ที่ซินเกียงนะคะ) เนื่องจากแผ่นดินของชาวฮั่นแห่งนี้เคยถูกกองทัพม้าเหล็กของเจงกิสข่านเข้ายึดและสถาปนาราชวงศ์หยวน(ราชวงศ์เยวียน 元朝)ที่ปกครองโดยชาวมองโกลขึ้น โดยย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่ปักกิ่งซึ่งใกล้กับมองโกล ต่อมาชาวฮั่นที่นำโดยจูเยวียนจาง (朱元璋)ได้ยึดอำนาจการปกครองคืนจากชาวมองโกลและตั้งราชวงศ์หมิง(明朝)ขึ้น แต่เมื่อประมาณ 400 ปีก่อน ปักกิ่งก็ถูกชนชาติแมนจูบุกยึดได้อีก ตั้งราชวงศ์ชิง(清朝)ซึ่งปกครองโดยชาวแมนจูขึ้น
หลังจากที่แมนจูเข้าปกครองจีน ก็ใช้ภาษาแมนจูเป็นภาษาทางการอีกภาษาหนึ่งควบคู่ไปกับภาษาจีนกลาง โดยให้ข้าราชการขุนนางทั้งหลายกราบบังคับทูลข้าราชการเป็นภาษาแมนจู ภาษาทางการจึงมี 2 ภาษาคือภาษาแมนจูกับภาษาฮั่น (ภาษาจีน)
จากการค้นข้อมูล ไม่พบว่ามัยนั้นมีการใช้ภาษามองโกลและธิเบตเป็นภาษาทางการด้วย
ทันทีที่ก้าวเท้าผ่านประตูเข้าไปในบริเวณวัดลามะ ก็สัมผัสความรู้สึกที่สงบได้ทันที ชอบที่นี่มาก ผู้คนไม่พลุกพล่านและไม่ส่งเสียงดังเหมือนที่พระราชวังกู้กง เพราะไม่กล้าทำลายความสงบที่ดูขลังของที่นี่
ภายในวัดลามะ กรุงปักกิ่ง มีต้นไม้ที่มีอายุหลายร้อยปีอยู่หลายต้น โดยเฉพาะต้นฮว๋าย (槐树)ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำเมืองปักกิ่ง
ถ้ามาเที่ยวปักกิ่งหน้าหนาว ต้นที่เห็นมีใบเขียวๆ ร่มรื่นนี้ จะเป็นต้นโกร๋นไม่มีใบเลย
คนจีนมีคำพูดว่า “名园易得,古树难求”。แปลเป็นไทยก็หมายความว่า อุทยานสวนไม้ดอกที่มีชื่อเสียงสร้างได้ไม่ยาก แต่ต้นไม้ใหญ่ที่อายุยืนนั้นหาได้ยากยิ่ง
ต้นไม้ใหญ่อายุหลายร้อยปีคู่กับสถาปัตยกรรมเก่าแก่ จึงเป็นเอกลักษณ์พิเศษของวัดลามะ (喇嘛庙)กรุงปักกิ่งแห่งนี้
古树和古建并存,是雍和宫的特色。
ร่มรื่นเย็นสบายตา
เดินเข้ามาได้ประมาณ 100 เมตรก็จะถึงจุดนี้
ตัวอักษรบนแผ่นป้ายในวัดลามะนี้ เขียนด้วยอักษรจีนแบบโบราณว่า 雍和禅房 เป็นอักษรจีนที่เรียกว่า จ้วนซู เป็นอักษรจีนที่ใช้ในช่วงก่อน - หลังราชวงศ์ฉิน ( ก่อน ค.ศ. 211) หรือ 2000 กว่าปีก่อน
雍和宫中的古钟
ภาพหอระฆังโบราณในยงเหอกง วัดลามะปักกิ่ง ชอบอักษรจีนที่อยู่บนระฆังค่ะ ยงเหอกง วัดลามะ ปักกิ่ง เป็นวัดสำคัญที่ชาวพุทธมหายานแบบธิเบตตั้งใจว่าว่าต้องมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์สักครั้งในชีวิต ที่เห็นมาไหว้ก็มีคนหนุ่มสาวจำนวนมาก และนิยมใช้ธูปก้านใหญ่ๆ จุดเป็นกำๆ เลย
เขาพระสุเมรุ ( ภาษาจีนเรียกว่า 须弥山 Xū míshān ) ที่คนนิยมโยนเหรียญขึ้นไป เพราะเชื่อว่าจะโชคดี
ทางวัดมีการเขียนป้ายห้ามโยนเหรียญขึ้นไปบนเขาพระสุเมรุ
ทำรั้วกั้นเอาไว้
กระถางธูปนี้เป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่งของยงเหอกง วัดลามะปักกิ่ง สร้างขึ้นอย่างวิจิตรปราณีตในปี 1747 สมัยของเฉียนหลงฮ่องเต้
ค่าผ่านประตู 30 หยวน ช่วงเทศกาล แถมแผ่นซีดีเล็กแนะนำวัดลามะ
เอนทรี่นี้ วัดลามะในปักกิ่งปัจจุบันกับการแย่งชิงบัลลังก์และอำนาจในอดีต 北京雍和宫
เอนทรี่หน้า ภาพเพิ่มเติมและเรื่องราว
วัดลามะ กรุงปักกิ่ง การแย่งชิงอำนาจการเมืองในอดีต
ศึกสายเลือด องค์ชายสี่กับการขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้ยงเจิ้ง
เอนทรี่ก่อนหน้า
ข้อมูลสำหรับ
คนที่สนใจไปเที่ยวส่วนตัว ไปติดต่อการค้า ไปประชุมสัมนา
หน่วยงานของรัฐและบริษัทเอกชนต่างๆ ที่จะพาบุคคลากรและลูกค้าไปดูงาน
สถานศึกษาต่างๆ ที่มีโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษา
นักศึกษาไทยที่ไปศึกษาอยู่ในเมืองต่างๆ ของจีน
ผู้ปกครองที่เตรียมไปเยี่ยมลูกๆ
ผู้สนใจทั่วไป
และบันทึกความทรงจำ
สนใจเรื่องจีนๆ เพิ่มเติม ที่ Suwanna Future C
รวมเรื่องเกี่ยวกับปักกิ่ิง 深入北京
เขียนโดย สุวรรณา สนเที่ยง 张碧云
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น